รูป การ์ตูน สต อ เบ อ รี่
กสิกรไทย มีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยกองทุนที่แนะนำคือ กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มบริการด้านการเงิน 26. 62% และบริการด้านการสื่อสาร 20. 33% ในหุ้นจีน 96. 26% ประเทศจีนกำลังก้าวสู่ความเป็น New Economy โดยกำลังเปลี่ยนภาพจากประเทศที่ผลิตสินค้าด้วยต้นทุนต่ำ (Old Economy) ไปสู่การผลิตสินค้าด้วยเทคโนโลยี (New Economy) ภายใต้นโยบาย Made in China 2025 นอกจากนี้จีนยังมีความก้าวหน้าในนวัตกรรมใหม่ๆ โดยมี 3 แกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือ 1. เทคโนโลยี 2. เฮลท์แคร์ และ 3. การบริโภค และมีความมุ่งมั่นที่จะแข่งขันกับสหรัฐฯ เพื่อเป็นมหาอำนาจของโลก ผ่านการผลักดันนโยบายเพื่อสนับสนุนภาคเอกชน ขณะเดียวกันยังมีกำลังซื้อที่มหาศาลอีกด้วย ภาพประกอบ: อนงค์นาฎ วิวัฒนานนท์ พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
ผมเชื่อว่าใครๆก็อยากจะมีเงินล้านไวๆกันทั้งนั้นแหละครับ แต่ก่อนจะไปแนะนำท่านว่าควร จะใช้กองทุนไหนเป็นเครื่องมือที่จะพาท่านไปถึงเป้าหมายเงินล้านนั้น เรามาทำความเข้าใจ ถึงกลไกในการสร้างเงินให้เติบโตกันก่อนซึ่งกลไกดังกล่าวต้องอาศัยพลังทั้ง 3 ด้าน ซึ่งผมขอยกให้เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ในการสร้างเงินล้าน3 พลังที่ว่านี้ก็คือ 1. พลังในการออม ยิ่งมีความสามารถในการออมมากเท่าไหร่ยิ่งดี 2. พลังของผลตอบแทน ยิ่งเราหาทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนที่ดี ที่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี 3.
กองทุนรวมผสม (Balanced Fund) เป็นกองทุนรวมผสมแบบที่กำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทั้งสองชนิดไว้อย่างชัดเจน โดยจะกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน หรือ "หุ้น" ไว้ไม่เกิน 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมนั้น ซึ่งกองทุนรวมผสมประเภทนี้ 2. กองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น (Flexible Portfolio Fund) เป็นกองทุนรวมผสมประเภทที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องสัดส่วนของการลงทุนในตราสารทั้งสองประเภท การจัดสรรเงินลงทุนระหว่างหุ้นและตราสารหนี้ จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจลงทุนของผู้จัดการกองทุนตามสภาวะตลาด ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ข้อดีของกองทุนผสม 1. ผลตอบแทนดีกว่า – ด้วยนโยบายการลงทุนที่สามารถลงทุนได้ทั้งใน ตราสารหนี้ และตราสารทุน หรือหุ้นนั้น ทำให้นักลงทุนสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว และยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นแบบเต็มตัว อ่านเพิ่มเติม: รู้ก่อนได้เปรียบกว่า กองทุนตราสารหนี้ คืออะไร ผลตอบแทนดีหรือไม่ต้องอ่าน! 2. ช่วยลดความเสี่ยง ความผันผวน – การลงทุนแบบกองทุนผสม ที่ผสมผสานการลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ในลักษณะนี้ก็เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านความผันผวนจากการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งได้ 3.
ผลตอบแทนดัชนี SET Index ตั้งแต่ต้นปี (Year to date) ถึง 8 พ. ย. 62 ให้ผลตอบแทน 4. 73% แม้จะอยู่ในระดับที่ดี แต่เกิดจากดัชนีเพิ่งปรับตัวขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งหากนับถึงแค่ 1 พ. 62 ผลตอบแทน SET Index ปรับตัวขึ้นเพียง 1. 8% เท่านั้น เพราะมีความผันผวนต่อเนื่องทั้งปี โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนหลัง ที่ดัชนีลงไปต่ำสุดระดับ 1, 579. 13 จุด แต่ผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้นไทย กลับปั้นผลงานชนะตลาดต่อเนื่องทุกประเภทเฉลี่ยกว่า 6% *** กองทุนหุ้นกลาง-เล็ก โชว์รีเทิร์นแจ่มสุด 7. 8% "ชญานี จึงมานนท์" นักวิเคราะห์กองทุน บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ซ (ประเทศไทย) ระบุว่า ผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้นไทยรอบ 9 เดือนปี 62 อยู่ที่ระดับเฉลี่ยสะสมระดับ 6. 1% โดยกลุ่มกองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (Equity Small/Mid-Cap) ให้ผลตอบแทนสูงสุดที่ 7. 8% ขณะที่กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large-Cap) ให้ผลตอบแทน 5. 8% ส่วนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF)ให้ผลตอบแทน 5. 62% และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่ลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทน 8. 68% สะท้อนถึงกลยุทธ์ในการบริหารที่เหมาะสมของผู้จัดการกองทุนภายใต้สภาวะตลาดที่ผันผวน ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของการลงทุนสินทรัพย์ประเภทกองทุนรวม *** เปิดโผ 5 กองทุนหุ้นกลาง-เล็ก ผลตอบแทนสูงสุด ทั้งนี้กองทุนรวมหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 5 กองทุนหุ้นกลาง - เล็กผลตอบแทนสูงสุด ชื่อกองทุน ชื่อย่อ บลจ.
YTD Return% TOP 5 Holding "แอสเซทพลัส สมอล แอนด์ มิด แคป อิควิตี้" ASP-SME แอสเซทพลัส 19. 82 TISCO JMT SAWAD OSP TTW "กรุงไทยหุ้น Mid-Small Cap" KTMSEQ กรุงไทย 16. 52 CKP PRM BCPG TASCO "ทาลิส MID-SMALL CAP หุ้นทุน" TLMSEQ ทาลิส 14. 55 PLAT HREIT TK "ไทยพาณิชย์หุ้นทุน Mid/Small Cap" SCBMSE ไทยพาณิชย์ 13. 34 TCAP "ภัทร SMALL AND MID CAP EQUITY" PHATRA SM CAP ภัทร 12. 1 ERW AMATA SCB AP SPALI 5 กองทุนข้างต้นให้ผลตอบแทน YTD มากกว่า 10% ทั้งหมด โดยกองทุนเปิดแอสเซทพลัส สมอล แอนด์ มิด แคป อิควิตี้ (ASP-SME) ของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ. ) แอสเซทพลัส ให้ผลตอบแทนสูงสุด 19. 82% ซึ่งหุ้น 5 อันดับแรกกองทุนนี้ถือสูงสุดประกอบด้วย 1. บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) 2. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) 3. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) 4. โอสถสภา (OSP) 5. ทีทีดับบลิว (TTW) ขณะที่หุ้นยอดนิยมของกองทุนกลุ่มนี้ ได้แก่ JMT, SAWAD และ TTW โดยมีอย่างน้อย 3 กองทุนถืออยู่ในหุ้น 5 อันดับแรกของพอร์ต ซึ่งราคาหุ้น YTD ของหุ้นทั้ง 3 บริษัท เพิ่มขึ้น 84. 82%, 57. 05% และ 8. 06% ตามลำดับ *** TOP5 กองทุนหุ้นใหญ่ ด้านกองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 5 กองทุนหุ้นใหญ่ผลตอบแทนสูงสุด "เค ดัชนีหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร" K-ICT กสิกร 29.
หนุ่มสาวชาวออฟฟิศ หรือมนุษย์เงินเดือนหลาย ๆ คนคงมีความคิดอยากวางแผนทางการเงินประเภทลงทุนเอาไว้ให้ตนเองมีเก็บพร้อมเพิ่มผลกำไรในอนาคต เน้นย้ำว่าต้องไม่เสี่ยงจนเกินไปเพราะต้นทุนไม่ได้มีสูงมากนัก กองทุนประเภทต่าง ๆ จึงเป็นช่องทางดี ๆ ที่มักได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมากมาย ดังนั้น ลองมาดู กองทุนน่าสนใจ สำหรับชาวออฟฟิศกันหน่อยว่ามีตัวไหนที่ควรเลือกเก็บไว้ในพอร์ตของตนเองบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็เพิ่มรายได้จากเงินประจำที่ได้รับอยู่ทุกเดือน 1. กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เป็นประเภทกองทุนน่าสนใจที่มีความเสี่ยงต่ำมาก แม้มีระยะเวลาสั้น ๆ อาจแค่ 6 เดือน แต่ก็ถือว่าเงินทุนไม่ได้ถูกทิ้งจมไว้นานเกินไป ได้ผลตอบแทนกลับมารวดเร็ว จึงเหมาะกับมือใหม่ที่อาจต้องศึกษาข้อมูลการลงทุนเยอะ ๆ เพื่อจะได้เสี่ยงกับกองทุนประเภทอื่น ๆ ต่อ อย่างกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่แนะนำ เช่น KFSPLUS เป็นกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้เพิ่มทรัพย์ ที่ทางผู้ลงทุนจะนำเงินไปลงทุนกับตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนที่แข็งแกร่ง ไว้ใจได้ มีผลตอบแทนพึงพอใจ 2. กองทุนตราสารหนี้ เป็นกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงมากกว่ากองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นแต่ก็ไม่ได้ถึงกับต้องเครียด แถมยังเป็นประเภทกองทุนน่าสนใจที่ควรมีติดเอาไว้เสมอสำหรับนักลงทุน เพราะช่วยให้เกิดการกระจายความเสี่ยงแบบทั่วถึง ระดับความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนชัดเจน กำไรดีกว่าการฝากเงินประจำ ซึ่งระยะเวลามักเกิน 6 เดือนขึ้นไป เช่น กองทุน KFSMUL กองทุนตราสารเจริญทรัพย์ เน้นลงทุนกับตราสารหนี้ เงินฝาก และอื่น ๆ ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมทีเดียว 3.
53 "ทิสโก้ Mid/Small Cap หุ้นระยะยาว" TMSLTF ทิสโก้ 12. 11 MTC RJH PLANB STEC "เอ็มเอฟซี มิด สมอล แค็ป หุ้นระยะยาว" M-MIDSMALL LTF เอ็มเอฟซี 10. 71 WHA AEONTS BGC "กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว" KDLTF 9. 71 KBANK "กองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาว" KGLTF 9. 3 กองทุนเปิดแอสเซทพลัส สมอล แอนด์ มิด แคป อิควิตี้ หุ้นระยะยาว (ASP-SMELTF) ของ บลจ. แอสเซทพลัส ให้ผลตอบแทนสูงสุด 17. 53% ซึ่งหุ้น 5 อันดับแรกกองทุนนี้ถือสูงสุดประกอบด้วย 1. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISC) 2. ทีทีดับบลิว (TTW) ขณะที่ 3 อันแรกของกองทุน LTF ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดของปีนี้ เป็นกองทุนที่ลงทุนให้หุ้นขนาดกลาง-เล็ก *** TOP5 กองทุน RMF ฟากกองทุน RMF ประเภทลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดได้แก่ 5 กองทุน RMF ผลตอบแทนสูงสุด "ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ" TMSRMF 11. 5 "กรุงศรี SET100 เพื่อการเลี้ยงชีพ" KFS100RMF กรุงศรี 7. 77 "พรินซิเพิล SET100 PRINCIPAL SET100RMF พรินซิเพิล 7. 46 "ทิสโก้ ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน THDRMF 6. 51 PTTGC "เค Mid Small Cap หุ้นทุน KMSRMF 6. 41 CK กองทุนเปิดทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMSRMF) ของ บลจ.
5% ของ NAV โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ 50. 09% และ เงินฝาก 45.
ค.