รูป การ์ตูน สต อ เบ อ รี่
3% เท่ากับเสีย 33, 300 บาท เสียอากรแสตมป์ (0.
ค่าจดจำนองของสถาบันการเงิน 1% (คิดจากมูลค่าที่จำนอง หรือวงเงินกู้ของผู้ซื้อ) โดยค่าจดจำนองนี้จะเป็นภาระชำระของผู้ซื้อเท่านั้น เพราะเมื่อผู้ซื้อต้องการซื้อบ้าน และได้ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินจะต้องชำระค่าจดจำนองนี้เอง (ในกรณีที่ผู้ซื้อ ซื้อบ้านเป็นเงินสดจะไม่ต้องเสียค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้) 6.
ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3. 3% (คิดจากราคาประเมินกรมที่ดิน หรือราคาซื้อขาย อย่างใดอย่างหนึ่งที่ราคาสูงกว่า) โดยการเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะนี้จะคิดจากเจ้าของบ้านที่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองบ้านไม่ถึงระยะเวลา 5ปี นับตั้งแต่วันที่รับโอนกรรมสิทธิ์มา จะต้องเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3. 3% แต่หากเจ้าของบ้านผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้ครอบครองบ้านเกิน 5ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนหลังที่จะขายไม่ต่ำกว่า 1ปี จะได้รับการยกเว้นค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ในกรณีการขายบ้านที่เป็นสินสมรส คือ มีการจดทะเบียนสมรสก่อนที่จะทำการซื้อบ้านหลังนี้มา ถือว่าเป็นสินสมรส คู่สมรสทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่ใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงจะไม่ต้องเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 4. ค่าอากรณ์แสตมป์ 0. 5% (คิดจากราคาประเมินกรมที่ดิน หรือราคาซื้อขาย อย่างใดอย่างหนึ่งที่ราคาสูงกว่า) ในการขายบ้านจะต้องเสียค่าอากรณ์แสตมป์ 0. 5% แต่จะได้รับการยกเว้นเมื่อเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว เพราะกรมสรรพากรจะเรียกเก็บค่าอากรณ์แสตมป์ หรือค่าภาษีธุรกิจเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ถ้าเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3. 3%แล้ว ก็ไม่ต้องเสียค่าอากรแสตมป์อีก โดยกฎหมายกำหนดกรณียกเว้นการไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะไว้ดังนี้ – ที่ดินที่ถือครองมาเกินเวลา 5 ปี – มีชื่อเป็นเจ้าบ้านเกินเวลา 1 ปี นับแต่วันที่รับโอนกรรมสิทธิ์มาไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ – ถูกเวนคืนบ้านหรือที่ดิน อันนี้จะได้ค่าตอบแทนจากรัฐแต่ไม่ต้องเสียภาษี – บ้านที่ขายเป็นบ้านที่ได้มาโดยการรับมรดก – สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 5.
59% จากราคาขาย ซึ่งโดยปกติค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมการโอนจะขึ้นอยู่กับการตกลงกับผู้ซื้อว่าใครจะเป็นคนจ่าย ซึ่งส่วนใหญ่จะช่วยกันจ่ายคนละครึ่ง กรณีนี้มีข้อสังเกตว่าหากเลือกลงทุนในบ้านหรือที่ดิน ที่เจ้าของเดิมถือครองมานานมากกว่า 5 ปี ก็จะสามารถประหยัดภาษีธุรกิจเฉพาะจากเดิม 3. 3% มาเสียเพียงค่าอากรแสตมป์ในอัตรา 1 บาท ต่อราคาประเมินทุก 200 บาทเท่านั้น จะเห็นได้ว่าค่าใช้จ่ายภาษีจากการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์นั้น หากศึกษาถึงรายละเอียดอย่างถี่ถ้วนแล้วจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียว ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถเลือกใช้โปรแกรมคำนวณภาษีต่าง ๆ ที่เกียวข้องกับการขายอสังหาริมทรัพย์ ได้จาก ของกรมสรรพากรเพื่อประกอบการคิดค่าใช้จ่ายในการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์
3% จากราคาประเมินหรือราคาตลาดโดยเลือกราคาที่สูงกว่ามาคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะที่จะต้องชำระ แต่ในกรณีที่อสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการจะขายนั้นเป็นการได้มาจากมรดกตกทอดนั้นก็จะได้รับการยกเว้นการเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ 4.
อยาก "ขายบ้าน" เสียค่าใช้จ่ายและภาษีอะไรบ้าง?
8 ล้านบาท โดยผู้ขายถือครองกรรมสิทธิ์ในคอนโดมิเนียมแห่งนี้มาแล้ว 6 ปี เงินได้พึงประเมิน = รายได้จากการขายอสังหาฯ (บาท) x อัตราส่วนเงินได้พึงประเมิน (%) ณ ปีที่ 6 เงินได้พึงประเมิน = 2, 800, 000 x 40% เงินได้พึงประเมิน = 1, 120, 000 บาท เงินได้พึงประเมินของรายได้จากการขายคอนโดมิเนียมราคา 2.
เมื่อคิดจะขายบ้าน ขายบ้านต้องเสียภาษีอะไรบ้าง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ควรรู้ แต่สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องรู้ (ไม่รู้ไม่ได้) คือ ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดินในเขตพื้นที่ของบ้านที่ขาย ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์นี้ก่อนที่จะตั้งราคาขายบ้านต้องตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ก่อนทุกครั้ง เพื่อจะได้ประมาณได้ว่าการขายบ้านหลังนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์เท่าไหร่ ซึ่งจะเป็นผลให้สามารถตั้งราคาขาย และราคาต่อรองได้อย่างเหมาะสมโดยไม่เจ็บตัว รายละเอียดค่าใช้จ่ายในการขายบ้านโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดินจะมีดังนี้ 1. ค่าธรรมเนียม 2% (คิดจากราคาประเมินกรมที่ดิน หรือราคาที่ซื้อขาย อย่างใดอย่างหนึ่งที่สูงกว่า) เช่น ราคาประเมินทุนทรัพย์ของกรมที่ดิน 500, 000บาท แต่ราคาซื้อขาย 800, 000บาท ค่าธรรมเนียม 2% ในการโอนกรรมสิทธิ์นี้จะคิดจากราคาซื้อขาย คือ 800, 000บาท แต่หากถ้าราคาประเมินทุนทรัพย์ของกรมที่ดินอยู่ที่ 800, 000บาท และราคาซื้อขาย 500, 000บาท ค่าธรรมเนียมนี้จะถูกคิดจากราคาประเมิน คือ 800, 000บาท 2. ค่าภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย (คิดจากราคาประเมินกรมที่ดิน) โดยจะมีวิธีคำนวณค่อนข้างซับซ้อน สามารถศึกษาได้ที่ 3.
ศ. ยกตัวอย่างเช่น ซื้อบ้านวันที่ 1 ธันวาคม 2562 และขายวันที่ 10 มกราคม 2564 เท่ากับ จำนวนปีที่ถือครองคือ 3 ปี สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ร้อยละ 77 เป็นต้น ตัวอย่างวิธีคำนวณ นายปวีณ ซื้อบ้านพร้อมที่ดินในปี 2562 และต้องการขายบ้านในปี 2564 ในราคาขายเท่ากับ 10 ล้านบาท โดยมีราคาประเมินอยู่ที่ 9 ล้านบาท นายปวีณจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่าย ดังนี้ 1. ราคาประเมิน 9, 000, 000 บาท 2. หักค่าใช้จ่ายเหมา (ถือครอง 3 ปี 77%) 6, 930, 000 บาท 3. คงเหลือ 2, 070, 000 บาท 4. หารด้วยปีที่ถือครอง 2, 070, 000/3 690, 000 บาท 5. คำนวณภาษี (100, 000 x 5%) + (400, 000 x 10%) + (190, 000 x 20%) 83, 000 บาท 6.
1 ภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับภาษีธุรกิจเฉพาะนั้นจะต้องเสีย หากถือครองบ้านหรือที่ดินเป็นระยะเวลาน้อยกว่า 5 ปี โดยสามารถดูวันที่รับโอนบ้านได้จากหลังโฉนด ซึ่งระบุวันที่รับโอนมา กรณีจากตัวอย่าง นายปวีณ ขายบ้านภายใน 5 ปี นับแต่วันได้มา ก็จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ จะคิดที่ร้อยละ 3. 3 ของราคาขายจริงหรือราคาประเมินแล้วแต่ราคาใดจะสูงกว่าให้ใช้ราคานั้น ดังนั้นการคำนวณภาษีธุรกิจเฉพาะ กรณีนายปวีณขายบ้าน คิดเป็นภาษีธุรกิจเฉพาะเท่ากับ 330, 000 บาท (3. 3 x 10, 000, 000) กรณีได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ คือ อสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาเกินกว่า 5 ปี มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกินกว่า 1 ปี นับแต่วันที่ได้บ้านหลังนั้นมา ถูกเวนคืนบ้านหรือที่ดิน ซื้อ-ขายบ้านหรือที่ดินที่ได้มาโดยมรดก 2.