รูป การ์ตูน สต อ เบ อ รี่
ตำแหน่งของคุณอยู่ในตำแหน่งใดในโครงสร้างของบริษัท 2. เวลาทำงานปกติคือเวลาใด 3. กรุณาบอกคร่าวๆถึงเป้าหมายของบริษัท 4. มีโอกาสเลื่อนขั้นหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็อย่าลืมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพ ความสามารถ และการวางตัวของคุณด้วยเช่นกัน อยากรวยต้องอ่าน!! รวมสุดยอดเทคนิคออมเงิน คลิกที่นี่! !
หากคุณเพิ่งผ่านการ สัมภาษณ์งาน มาหมาด ๆ ซึ่งคุณรู้สึกพอใจมาก เพราะคุณแต่งกายดูเป็นมืออาชีพ และตอบคำถามสัมภาษณ์งานได้อย่างมั่นใจ นั่นทำให้คุณคิดว่าคุณอาจจะได้งานในเร็ววันนี้ แม้ว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าคุณพบ 10 สัญญาณต่อไปนี้ คุณเตรียมตัวซื้อชุดทำงานใหม่ได้เลยค่ะ 1. คุณผ่านเข้ารอบต่อไป ถ้าคุณได้รับการติดต่อจากบริษัทที่คุณได้เข้าไปสัมภาษณ์งานมาแล้ว แสดงว่าผู้ประกอบการเริ่มสนใจคุณมากขึ้น และคุณเริ่มจะมีลุ้น ยินดีด้วยนะคะ ความฝันของคุณใกล้เป็นความจริงเข้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว 2. คุณถูกขอข้อมูลของบุคคลอ้างอิง แสดงว่าผู้ประกอบการต้องการรู้จักคุณมากขึ้น เขาต้องการพูดคุยกับบุคคลอ้างอิง เพื่อสอบถามถึงภูมิหลังของคุณ ซึ่งรวมถึงอุปนิสัย และความรับผิดชอบของคุณ ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจต่อไป ถึงตอนนี้คุณควรให้รายชื่อบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือในสังคม และรู้จักตัวคุณเป็นอย่างดี ที่สำคัญต้องเป็นบุคคลที่สามารถให้ข้อมูลที่ทำให้คุณได้รับคัดเลือกให้เข้ารอบต่อไปด้วย 3. แนะนำคุณให้รู้จักกับทีมงาน หากผู้ประกอบการแนะนำให้คุณรู้จักกับสมาชิกในทีม หรือกล่าวกับคุณว่ามีคนที่เขาอยากแนะนำให้คุณรู้จัก นี่ก็ถือเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่ดี เพราะหากเขาไม่สนใจในตัวคุณ เขาคงไม่ยอมเสียเวลาที่จะให้คุณทำความคุ้นเคยกับใครก็ตามในบริษัท และแน่นอนว่า เมื่อคุณกลับไปแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องสอบถามถึงความรู้สึกของทีมงานที่มีต่อคุณเมื่อพบกันเป็นครั้งแรก ดังนั้น คุณควรแสดงความเป็นมิตรกับทุกคนที่คุณได้พบ 4.
หากคุณยื่นเรซูเม่สมัครงานไป แล้วถูกเรียกไป สัมภาษณ์งาน แปลว่าโปรไฟล์ของคุณพาคุณมาได้ถึงครึ่งทางแล้ว แต่การสัมภาษณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี่แหละที่เป็นสิ่งตัดสินว่าคุณจะได้ไปต่อหรือไม่ เมื่อการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง คุณรู้สึกว่ามีสัญญาณที่ดีแท้ ๆ ว่าคุณจะได้งานนี้ ทั้งความรู้สึกสบายใจ หรือการที่ทางบริษัทพูดคุยกับคุณเป็นเวลานานประหนึ่งว่ารู้จักกันมาก่อน หรือถูกพาไปแนะนำตัวกับคนอื่น ๆ ในองค์กร แต่ท้ายที่สุดคุณกลับถูกปฏิเสธ หรือไม่ได้รับการติดต่อกลับไปเลยดื้อ ๆ ซึ่งก็คงทำให้คุณข้องใจไม่น้อยว่าฉันพลาดอะไร ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่าทำไมคุณถึงไม่ได้งานที่นี่ 1. ความประทับใจแรกไม่มี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบุคลิกภายนอกเป็นด่านแรกที่ทำให้คุณดูโดดเด่นจากคนอื่น แต่ถ้าหากว่าการพบกันครั้งแรกระหว่างคุณกับบริษัทที่เป็นคนแปลกหน้ากัน ฝ่ายหนึ่งจะจ้างงาน และอีกฝ่ายอยากได้งาน เท่านี้ก็เห็นแล้วว่าใครมีอำนาจในการตัดสินใจมากกว่ากัน ซึ่งถ้าคุณแต่งตัวไม่เหมาะสม เนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง คะแนนความประทับใจก็หายไปแล้วกว่าครึ่ง ยิ่งถ้าคุณไปสายอีกก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะคุณสมบัติเรื่องการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะสำหรับการทำงาน 2.
ในการเล่าถึงข้อดีและข้อด้อยในการทำงานของคุณ สิ่งที่คุณควรเล่าและผู้สัมภาษณ์งานอยากได้ยินคือสิ่งที่เป็นตัวคุณและจุดแข็งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องงาน คำตอบสำหรับคำถามนี้ควรระบุลงไปให้ชัดเจน ส่วนข้อด้อยของคุณไม่ควรเล่าถึงสิ่งที่ทำให้คุณดูไม่ดี ควรเล่าถึงสิ่งที่คุณอยากจะปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบจะดีกว่า คำถามที่ 6: เงินเดือน คาดหวังอยู่ที่เท่าไหร่? Nudie jeans shop ใน ไทย
แสดงท่าทางสนใจในตัวคุณ ภาษาท่าทางก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่น่าสังเกต หากระหว่างสัมภาษณ์งานผู้ประกอบการพยักหน้า จดบันทึก และถามคุณเกี่ยวกับการแก้ปัญหาต่าง ๆ แสดงว่าคุณเริ่มเข้าตากรรมการแล้ว แต่หากผู้ประกอบการไม่ค่อยจดบันทึก มองนาฬิกาบ่อย ๆ หรือไม่ค่อยถามคำถามที่ลงลึก แสดงว่าคุณคงต้องทำใจไว้บ้าง 10.
ถ้าต้องทำงานล่วงเวลาจะมีปัญหาหรือไม่ ทางที่ดีคุณควรยินดีที่จะทำงานล่วงเวลาได้ คำถามนี้อาจะเป็นคำถามเพื่อลองเชิงความอดทน ศักยภาพของคุณ ซึ่งพอได้รับเลือกเข้าทำงานแล้ว คุณอาจต่อรองใหม่ได้เช่น อาจจะเสนอเอางานกลับไปทำที่บ้าน หรือมาทำงานเช้ากว่าปกติเป็นต้น 6. อะไรคือสิ่งที่คุณอยากทำมากที่สุดในชีวิต ถ้าหากคุณตอบว่าอยากทำงานไปวันๆ บริษัทก็คงไม่ยอมลงทุนเลือกคุณเข้ามาทำงานเป็นแน่ ในทางกลับกัน หากคุณต้องไปทำงานกับบริษัทที่มีความจำกัดโอกาสในการเจริญก้าวหน้า คุณควรพูดถึงความก้าวหน้าในอนาคตของชีวิต 7. ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่ อะไรคือสิ่งจูงใจ ให้คุณอยากทำงาน ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงของบริษัท สังคม เพื่อน แต่ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อพัฒนาชีวิตของคุณนั่นเอง 8. คาดหวังเงินเดือนเท่าไร บางองค์กร มักจะบอกเงินเดือนชัดเจนในตำแหน่งที่ประกาศรับสมัคร เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกต้อนให้จนมุม คุณต้องมั่นใจในความสามารถของตนเอง และลองสืบดูว่าคนอื่นๆที่มีความสามารถคล้ายกันได้เงินเดือนเท่าไหร่ในสายงาน 9. คำถามสุดท้ายคุณมีอะไรจะถามไหม ตัดคำตอบที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณเป็นคนไม่ฉลาดเอาเสียเลย ไม่ตั้งใจฟัง หรือไม่ก็ไม่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทมาเลย ฉะนั้นเพื่อให้เจ้านายเห็นว่าคุณเป็นคนใฝ่รู้ลองใช้คำถามนี้ดู 1.
คุณถูกถามเกี่ยวกับการขั้นตอนในการถ่ายโอนงาน เมื่อบริษัทสนใจคุณ คุณมักจะถูกถามเกี่ยวกับระยะเวลา ที่คุณต้องการสำหรับการถ่ายโอนงานของคุณในบริษัทเก่า เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเริ่มต้นงานใหม่ 5. คุณถูกถามเรื่องเงินเดือน เมื่อผู้ประกอบการพูดเรื่องเงิน เขากำลังประเมินว่า เขาควรจะลงทุนกับคุณหรือไม่ โดยมักจะแบ่งเป็น 2 คำถามหลัก ๆ คือ เงินเดือนในปัจจุบันของคุณ และเงินเดือนใหม่ที่คุณคาดหวัง ซึ่งในส่วนนี้ต้องเตรียมคำตอบไว้ให้ดี 6. รอยยิ้มของผู้สัมภาษณ์งาน เป็นเครื่องชี้วัดที่ดี เมื่อเขาพึงพอใจคุณสามารถสังเกตได้จากสีหน้าท่าทางของเขา 7. ผู้สัมภาษณ์งานยินดีที่จะตอบคำถามต่าง ๆ ของคุณ เมื่อผู้สัมภาษณ์ยอมเสียเวลาตอบคำถามของคุณ แสดงว่าเขาต้องการที่จะอธิบายให้คุณรู้จักกับธุรกิจของเขาให้มากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการเปิดโอกาสให้ผู้สมัครงานได้ถามคำถามถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผู้สัมภาษณ์งานไม่ได้ให้เวลาในส่วนนี้มากนัก หากการสัมภาษณ์งานนั้นไม่ได้สร้างความประทับใจให้แก่เขา 8. สัมภาษณ์งานเป็นเวลานาน หากผู้สัมภาษณ์งานไม่สนใจในตัวผู้สมัครงาน เขาจะพยายามรวบรัดการสนทนา และจบการสัมภาษณ์งานอย่างรวดเร็ว แต่หากเขาสนใจในตัวคุณ เขาจะไม่สนใจเรื่องเวลาเลย โดยเขาจะพยายามทำความรู้จักกับคุณให้มากที่สุด ในขณะเดียวกันก็อยากเล่าเกี่ยวกับบริษัทให้คุณฟังด้วย 9.
5 เทคนิค สัมภาษณ์งานไม่ถนัดให้ได้งาน | การเปลี่ยนสายงาน ได้งานใหม่แล้วค่อยลาออก หรือ ลาออกแล้วค่อยหางานใหม่ | จ๊อบส์ดีบี ประเทศไทย ตำแหน่งของคุณอยู่ในตำแหน่งใดในโครงสร้างของบริษัท 2. เวลาทำงานปกติคือเวลาใด 3. กรุณาบอกคร่าวๆถึงเป้าหมายของบริษัท 4. มีโอกาสเลื่อนขั้นหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็อย่าลืมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพ ความสามารถ และการวางตัวของคุณด้วยเช่นกัน อยากรวยต้องอ่าน!! รวมสุดยอดเทคนิคออมเงิน คลิกที่นี่!!