รูป การ์ตูน สต อ เบ อ รี่
เสื้อผ้าที่จะย้อม ต้องซักให้สะอาดก่อน โดยซักเครื่องด้วยน้ำอุ่นตามปกติ และใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน ต้องขจัดคราบก่อนย้อม จะใช้น้ำยาฟอกขาวให้ผ้ายิ่งขาวจัดก็ได้ เพราะยิ่งผ้าขาวก็ยิ่งย้อมออกมาได้สีสดกว่าผ้าขาวแบบตุ่นๆ ซักแล้วไม่ต้องตากหรืออบแห้ง เพราะตอนย้อม ผ้าต้องเปียกอยู่แล้ว 3 ปูผ้ากันห้องเปื้อน. เวลาย้อมผ้าอาจมีกระเด็นหรือเลอะเทอะบ้าง จะเก็บกวาดทำความสะอาดง่ายกว่า ถ้าเอาผ้าพลาสติกคลุมห้องกันเปื้อนไว้ หรือใช้หนังสือพิมพ์แทนหลายๆ ชั้น หาฟองน้ำหรือทิชชู่ติดมือไว้ เผื่อสีย้อมกระเด็นจะได้จัดการทันที ส่วน 2 ของ 4: ใช้สีย้อมธรรมชาติ [2] แช่ผ้าใน fixative ก่อน. dye fixative หรือน้ำยาคงสภาพ จะช่วยให้สีย้อมติดทนมากขึ้น ส่วนจะใช้ fixative ประเภทไหน ก็แล้วแต่ชนิดของพืชที่นำมาทำสีย้อม ถ้าทำสีย้อมจากเบอร์รี่ ก็ต้องใช้ fixative สูตรเกลือ โดยผสมเกลือ 1/2 ถ้วยตวง (125 มล. ) กับน้ำเย็น 8 ถ้วยตวง (2 ลิตร) ถ้าทำสีย้อมจากพืชชนิดอื่น ให้ใช้ fixative สูตรน้ำส้มสายชู โดยผสมน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1 ส่วนกับน้ำเย็น 4 ส่วน ถ้าใช้สีย้อมสำเร็จรูปที่เป็นสารเคมี ก็ให้เลือกใช้ fixative ตามเส้นใยผ้าที่จะย้อม แช่ผ้าไว้ใน fixative 1 ชั่วโมง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น แล้วค่อยเริ่มย้อม ผสมสีให้ออกมาตามต้องการ.
ถ้าเบื่อเสื้อผ้าสีขาวเรียบๆ หรือสีอ่อน ก็ลองมาย้อมให้กลายเป็นสีสันสดใสดู คุณย้อมผ้าได้ทั้งสีย้อมสำเร็จรูปที่เป็นสารเคมี และสีย้อมทำเองจากพืชผักต่างๆ ขั้นตอนก็ไม่ยากเกินเข้าใจและลงมือ ว่าแล้วก็เลื่อนลงไปอ่านบทความวิกิฮาวนี้กันเลย ส่วน 1 ของ 4: เตรียมเสื้อผ้าที่จะย้อม รวมถึงสถานที่ 1 เลือกสีย้อมให้เหมาะสม.
พอน้ำสีเริ่มเดือด ก็ลดเหลือไฟอ่อน แล้วแช่ต่อไป 30 นาที กวนผ้าเป็นระยะ จะได้ย้อมสีทั่วถึง ไม่ต้องปิดฝาหม้อ 6 ล้างผ้าโดยเปิดน้ำราด. เอาผ้าออกจากน้ำสี (ระวังลวกมือ) โดยใช้ช้อนคนหรือไม้สองอันคีบแล้วยกมาใส่ไว้ในอ่างล้างจานสแตนเลส เปิดหรือราดน้ำร้อนราดผ้า แล้วค่อยๆ ลดอุณหภูมิลงจนกลายเป็นน้ำเย็นจัด (น้ำใส่น้ำแข็ง) และจนกว่าน้ำที่ไหลจากผ้าจะใส สีไม่ตก เทน้ำสีย้อมทิ้งในอ่างล้างจาน ตอนล้างผ้าด้วยน้ำเปล่า สีจะตกค่อนข้างเยอะ ถือว่าปกติ ไม่ต้องกังวล น้ำเย็นจัดหรือน้ำใส่น้ำแข็งตอนสุดท้ายจะทำให้สีเซ็ตตัว ติดผ้าทนนาน ผึ่งลมไว้จนแห้ง. ตากผ้าตรงที่สะดวก แล้วผึ่งลมไว้จนแห้งสนิท อย่าเอาใส่เครื่องอบผ้า ตอนตาก หาผ้าหรือพรมเก่าๆ รองไว้ข้างใต้ด้วย เผื่อผ้าสีตกแล้วหยดลงมา ส่วน 4 ของ 4: ใช้สีย้อมสำเร็จรูป โดยใส่ในเครื่องซักผ้า [4] เปิดน้ำร้อนในเครื่องซักผ้า. เอาให้ร้อนที่สุดเท่าที่จะไม่ทำเส้นใยของผ้าที่จะย้อมเสียหาย ตั้งค่าให้เครื่องซักผ้าปล่อยน้ำแบบซักน้อยๆ (small load) ถ้าน้ำเยอะขั้นสุด สีย้อมจะเจือจางไป ผ้าออกมาสีไม่เข้มสมใจ เทสีย้อมลงในน้ำ ระหว่างที่น้ำกำลังไหลอยู่ในเครื่องซักผ้า. ระหว่างน้ำไหลเติมเครื่องซักผ้าอยู่ ให้เทสีย้อมลงไป ตอนนี้อย่าเพิ่งใส่ผ้าลงไป เพราะเราเทสีใส่เครื่องซักผ้าที่น้ำกำลังไหล เลยไม่ต้องคนผสม น้ำจะไหลแรงจนสีละลายเอง อ่านและทำตามคำแนะนำการใช้งานที่ฉลากสีย้อม ถ้าเป็นผงสีก็เทหมดซองเลย แต่ถ้าเป็นสีย้อมแบบน้ำ ก็ครึ่งขวด เอาผ้าใส่เครื่อง.
glutinosa) ใช้แต่งสีแดงเข้มในอาหาร กลีบดอกอัญชัน (Clitoria ternata) ใช้แต่งสีน้ำเงิน สีฟ้า สีฟ้าอมม่วงในอาหาร ดอกดอกดิน (Aeginetia indica)I ใช้แต่งสีน้ำเงินเข้ม ทำขนมดอกดิน เนื้อไม้สีเสียดเหนือ (Acacia catechu) ให้สีน้ำตาล ใช้ย้อมผ้า แห อวน หนัง ใบอ่อนสัก (Tectona grandis) ให้สีแดงใช้ย้อมผ้า ย้อมกระดาษ เปลือกและผลสมอพิเภก (Terminalia bellirica) ให้สีขี้ม้า ใช้ย้อมผ้า เนื้อไม้แกแล (Maclura cochinchinensis) ให้สีเหลืองปนน้ำตาล ใช้ย้อมผ้า เปลือกโกงกาง (Rhizophora spp. ) ให้สีน้ำตาล ใช้ย้อมแห อวน หนัง ยางรง (Garcinia hanburyi) ให้สีเหลือง ใช้ย้อมผ้า และผสมสี เปลือกสะเดา (Azadirachta indica var. amensis) ให้สีแดง ใช้ย้อมผ้า รากมะหาด (Artocarpus lakoocha) ให้สีเหลือง ใช้ย้อมผ้า เปลือก ราก เนื้อไม้ และใบยอป่า (Morinda pubescens) ให้สีแดง ใช้ย้อมผ้า เนื้อไม้ประดู่ป่า (Pterocarpus macrocarpus) ให้สีแดงคล้ำ และเปลือกให้สีน้ำตาล ใช้ย้อมผ้า เปลือกติ้วขน (Cratoxylum formosum ssp. pruniflorum) ให้สีน้ำตาลเข้ม ใช้ย้อมผ้า ผลมะเกลือ (Diospyrus mollis) ให้สีดำ ใช้ย้อมผ้า เปลือกสนทะเล (Casuarina equisetifolia) ให้สีน้ำตาลแกมแดง ใช้ย้อมผ้า เปลือกคาง (Albizia odoratissima) ให้สีน้ำตาล ใช้ย้อมผ้า หนัง ดอกทองกวาว (Butea monosperma) ให้สีเหลืองอมส้ม ใช้ย้อมผ้า ต้นคราม (Indigofera tinctoria) สมัยก่อน นิยมใช้ทำสีครามย้อมผ้า ต้นฮ่อม (Baphicacanthus cusia) ให้สีน้ำเงินเข้ม นิยมใช้ย้อมเสื้อม่อฮ่อมทางภาคเหนือ ผลมะเกิ้ม หรือมะกอกเลื่อม (Canarium subulatum) ให้สีดำ ใช้ทำหมึกเขียนพื้นบ้าน
พืชที่จะใช้ทำสีย้อม ต้องสุกหรือโตเต็มที่แล้วเท่านั้น ผลไม้และเบอร์รี่ต่างๆ ต้องสุกเต็มที่ ถั่วต่างๆ ก็ต้องแก่ได้ที่ ดอกไม้ต่างๆ ต้องบานเต็มที่ จนเกือบจะร่วง เมล็ด ใบ และก้าน งอกเต็มที่เมื่อไหร่ให้เก็บได้เลย 4 สับหรือหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย. ต้องสับวัสดุธรรมชาติที่จะใช้ทำสีย้อมให้ละเอียดที่สุด โดยใช้มีดทำครัว เสร็จแล้วเอาใส่หม้อต้มใบใหญ่ หม้อต้องใหญ่กว่าเสื้อผ้าที่จะย้อมประมาณ 2 เท่า พอวัตถุดิบถูกสับละเอียดแล้วเท่ากับเพิ่มพื้นที่ ยิ่งดึงสีออกมาได้ง่ายและมากขึ้น 5 เคี่ยวสีย้อม. เติมน้ำใส่หม้อ แล้วยกขึ้นตั้งไฟแรงจนเดือด จากนั้นใช้ไฟอ่อน แล้วเคี่ยวต่อประมาณ 60 นาที เติมน้ำลงไป 2 เท่าของปริมาณวัตถุดิบ 6 กรองเอาแต่น้ำสี. เทน้ำสีผ่านกระชอน เพื่อกรองเอากากใยออก เหลือแต่น้ำสี แล้วเทสีย้อมที่ได้กลับลงในหม้อ 7 ใส่ผ้าที่จะย้อมในน้ำสีแล้วเคี่ยวต่อ. เอาผ้าเปียกใส่ในหม้อสีย้อม แล้วเคี่ยวต่อด้วยไฟแรงปานกลาง จนได้ผ้าสีตามต้องการ ถ้าผ้าแห้งแล้ว สีจะอ่อนกว่าที่เห็น ต้องแช่ผ้าไว้ในสีย้อมอย่างน้อย 30 - 60 นาที ถ้าอยากได้สีเข้มหน่อย ก็ต้องแช่ผ้าทิ้งไว้ 8 ชั่วโมงขึ้นไปหรือข้ามคืน กวนผ้าในสีย้อมเป็นระยะ สีจะได้ทั่วถึง 8 ซักผ้าที่ย้อมแล้วในน้ำเย็นจัด.